カテゴリー:
公開日 2025.01.10
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตขยะล้นเมือง หลุมฝังกลบหลายแห่งเต็มไปด้วยขยะที่ไม่ได้คัดแยก ทั้งยังขาดกระบวนการกำจัดอย่างเหมาะสม ซึ่งครั้งหนึ่งถ่านไฟฉายของ พานาโซนิค เอเนอร์จี ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดในไทยกว่า 80% เคยถูกส่งไปยังหลุมฝังกลบเช่นกัน จนกระทั่งเส้นทางการกำจัดถ่านไฟฉายใช้แล้วเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อพานาโซนิค เอเนอร์จี จับมือกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี ออลล์) เพื่อขับเคลื่อนโครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน บทความพิเศษนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวของสองบริษัทไทย – ญี่ปุ่นที่ร่วมกันผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประเทศไทย
Interviewees:
ทาคุยะ ทานิโมโตะ, กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด
目次
บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “พานาโซนิค เอเนอร์จี” ผู้ผลิต “ถ่านไฟฉายตราช้าง” ที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีวางจำหน่ายตามร้านค้าท้องถิ่นไปจนถึงร้านสะดวกซื้อ รวมเกือบ 100,000 แห่ง ครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศประมาณ 80% คุณทานิโมโตะเผยจุดแข็งที่อยู่เบื้องหลังการเป็นเจ้าตลาดนี้ว่า “เราเป็นผู้ผลิตถ่านไฟฉายเพียงหนึ่งเดียวในไทยที่มีโรงงานผลิตภายในประเทศ จุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือ เราผลิตถ่ายไฟฉายคุณภาพสูง มีประสิทธิภาพ ภายใต้การจัดการซัพพลายเชน (SCM) ที่ยืดหยุ่น ซึ่งดำเนินการมายาวนานกว่า 60 ปีแล้ว”
อีกหนึ่งจุดแข็งของพานาโซนิค เอเนอร์จีคือ เครือข่ายการกระจายสินค้าในประเทศที่แข็งแกร่ง คุณทานิโมโตะกล่าวว่า ถ่านไฟฉายพานาโซนิคจำหน่ายผ่านดีลเลอร์ 17 บริษัท ตัวแทนเหล่านี้จะไปตามร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกด้วยตนเอง รวมถึงมีการจำหน่ายให้แก่ผู้ค้าปลีกรายใหญ่โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ดำเนินกิจการโดย บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) ซึ่งจำหน่ายถ่านไฟฉายพานาโซนิคมายาวนานกว่า 25 ปี ทำให้ถ่านไฟฉายพานาโซนิคกลายเป็นสิ่งที่คนไทยพบเจอได้ทุกวัน
พานาโซนิค เอเนอร์จี ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 ในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้ง แต่จุดเริ่มต้นต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ในปี 1918 บริษัท Matsushita Electric Industrial ได้ถือกำเนิดขึ้น และในปี 1931 บริษัทเริ่มผลิตถ่านไฟฉายแบบ in-house ต่อมาในปี 1961 ได้ขยายธุรกิจมายังประเทศไทย โดยก่อตั้งบริษัท National Thai Co., Ltd. ขึ้น ถือเป็นบริษัทย่อยต่างประเทศแห่งแรกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเริ่มผลิตถ่านไฟฉายแมงกานีส รวมถึงเครื่องเสียง โทรทัศน์ และพัดลม จากนั้นนับตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจถ่านไฟฉายอย่างเต็มตัว พร้อมเพิ่มความสามารถในการผลิตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2008 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น พานาโซนิค เอเนอร์จี (ประเทศไทย) ที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน
พานาโซนิค เอเนอร์จีมีฐานการผลิตหลัก 20 แห่งทั่วโลก ซึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งอยู่ที่ประเทศไทยและอินโดนีเซีย ในปี 2020 บริษัทเปิดตัวสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Regional Headquarter : RHQ) เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ และ Know-how ที่สั่งสมในไทยไปยังประเทศอื่น ๆ คุณทานิโมโตะเองก็มีบทบาทสำคัญในการดูแลภาพรวมของ RHQ แห่งนี้ด้วย
Mission ของพานาโซนิค เอเนอร์จี คือ “สร้างสังคมแห่งความสมดุลระหว่างความสุขของผู้คนและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนโดยปราศจากความขัดแย้ง” คุณทานิโมโตะเผยว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้บริษัทดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยอย่างจริงจัง เกิดจากการรวมฝ่ายขายและฝ่ายผลิตของ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าด้วยกันในปี 2022 เขากล่าวว่า “เราตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงในประเทศไทย ทั้งการขาดแคลนพื้นที่ฝังกลบ ขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้น และไม่มีการคัดแยกขยะอย่างเหมาะสม ก่อนหน้านี้บริษัทของเรามุ่งเน้นแค่การผลิตเท่านั้น แต่หลังจากเราเชื่อมโยงกับลูกค้าได้เองโดยตรง ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมได้ง่ายขึ้น”
นอกจากนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน บริษัทตั้งเป้าหมายในการเป็น “องค์กรที่สังคมไทยไม่อาจขาดไปได้ในอีก 100 ปีข้างหน้า” พร้อมกำหนดแผนนโยบายระยะกลาง 3 ด้านเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้บริโภค 2. สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น 3. ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม
โดยในข้อแรก บริษัทมุ่งยกระดับชีวิตของผู้โภคผ่านถ่านไฟฉายที่มีประสิทธิภาพ คุณภาพดี และราคาย่อมเยา ถัดมาในข้อที่ 2 บริษัทจัดกิจกรรม “Battery Exchange Event” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CSR ตั้งแต่ปี 2005 และจะจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยจะเดินทางไปแต่ละหมู่บ้านเพื่อรับแลกถ่านไฟฉายใช้แล้วเป็นถ่านไฟฉายใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้าง Brand Loyalty แต่ยังได้ข้อมูลเชิงลึกอย่างขนาดถ่านไฟฉายและอุปกรณ์ที่ผู้บริโภคใช้งานจริง ซึ่งมีประโยชน์ต่อการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตด้วย
อีกทั้งยังมีการสานสัมพันธ์กับชุมชนอย่างจริงจังผ่านการเยี่ยมโรงเรียนในหมู่บ้านและจัดกิจกรรมห้องเรียนถ่านไฟฉายทำมือ คุณทานิโมโตะกล่าวว่า “เด็ก ๆ ในโรงเรียนตามหมู่บ้านแทบไม่มีโอกาสทำกิจกรรมประดิษฐ์ของทำมือที่จัดโดยบริษัทเอกชนเลย เราจึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอ แม้จะไปโดยไม่ได้แจ้งไว้ก่อน” เขาเล่าประสบการณ์อันน่าประทับใจให้ฟังว่า “หลังจากทำถ่านไฟฉายด้วยชุดอุปกรณ์ประดิษฐ์ถ่านทำมือเสร็จ พวกเราปิดไฟในห้อง ทันทีที่เด็ก ๆ เปิดไฟจากถ่านที่ทำเอง ใบหน้าของพวกเขาพลันสว่างไสวด้วยรอยยิ้มสดใส”
สำหรับข้อที่ 3 ซึ่งเป็นข้อสำคัญ บริษัทได้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยการผสมผสานทั้งการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการชดเชยคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ ยังยื่นขออนุมัติจากรัฐบาลในการนำระบบรับรอง “Made from Carbon Neutral Factory” มาใช้ และได้รับการอนุมัติเรียบร้อย โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ถ่านไฟฉายที่มีตรารับรองนี้วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย คุณทานิโมโตะอธิบายว่า “เดิมทีประเทศไทยยังไม่มีระบบการรับรองประเภทนี้ จึงเริ่มต้นจากการขอรับรองมาตรฐาน ‘PAS 2060 Carbon Neutrality’ ที่เป็นที่ยอมรับระดับสากลก่อน จากนั้นจึงร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อวางเงื่อนไขการรับรองและระบบต่าง ๆ จนสามารถนำมาใช้และได้รับรองเป็นที่เรียบร้อย” นอกจากนี้ พานาโซนิค เอเนอร์จียังร่วมมือกับซีพี ออลล์ ริเริ่มโครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายใช้แล้วตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นครั้งแรกในไทย โดยเริ่มจากการตั้งจุดรับทิ้งถ่านไฟฉายใช้แล้วภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นด้วย
ในโครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายใช้แล้ว ได้มีการตั้งกล่องรับทิ้งถ่านไฟฉายตามหน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยถ่านที่รวบรวมได้จะถูกส่งกลับไปยังพานาโซนิคเพื่อคัดแยก จากนั้นจึงส่งไปยังบริษัท ยู เอ็ม ซี เม็ททอล จำกัด หรือ “UMC Metals” พันธมิตรผู้ผลิตเหล็กแท่ง คุณทานิโมโตะอธิบายว่า “จากแนวทางของรัฐบาล ปัจจุบันมีถ่านไฟฉายของพานาโซนิคเพียงเจ้าเดียวที่ได้รับการรับรองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องคัดแยกเฉพาะถ่านไฟฉายพานาโซนิคจากถ่านที่รวบรวมได้ทั้งหมด เพื่อนำไปรีไซเคิลในเตาหลอมของ UMC Metals”
“โครงการนี้ไม่ได้ราบรื่นไปเสียทั้งหมดหรอกครับ” คุณทานิโมโตะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเล่าว่า ตั้งแต่ช่วงปี 2019 เป็นต้นมา เขาพยายามเสนอผู้บริหารระดับสูงของซีพี ออลล์ เพื่อจับมือกันมุ่งสู่การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ให้เกิดขึ้นจริง ในฐานะบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต้องใช้เวลาในการหาข้อตกลงร่วมกันในขั้นตอนเจรจารายละเอียด เช่น วิธีดำเนินโครงการ ค่าใช้จ่าย สถานที่วางกล่องรับทิ้งถ่านไฟฉาย ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทแม่ของพานาโซนิคที่ญี่ปุ่นก็เรียกร้องให้อธิบายความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากเป็นโครงการที่ริเริ่มขึ้นใหม่ ทำให้ต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก นอกจากนี้ ในเวลานั้นยังไม่มีพนักงานที่มีความรู้ด้านการรีไซเคิล จึงต้องตั้งคณะทำงาน (Working Group) ในองค์กรขึ้น และดำเนินโครงการนี้ควบคู่ไปกับงานหลักด้วย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่รับผิดชอบขั้นตอนการเก็บรวบรวมถ่าน และกลุ่มที่รับผิดชอบขั้นตอนการรีไซเคิล ซึ่งทั้งสองกลุ่มจะมีพนักงานคนไทยอยู่ และต้องประสานงานกับหน่วยงานภายนอกด้วย
“สิ่งที่ยากที่สุดคือ การตอบให้ได้ว่าจะนำถ่านไฟฉายไปรีไซเคิลเป็นอะไร” คุณทานิโมโตะเผยว่า ช่วงแรกเคยมีไอเดียจะนำถ่านไฟฉายไปรีไซเคิลเป็นส่วนผสมในปุ๋ย และได้พูดคุยกับบริษัทผู้ผลิตปุ๋ยแล้ว แต่ด้วยอุปสรรคหลายอย่าง ทำให้ไอเดียนี้ไม่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ รวมถึงมีไอเดียจะนำไปรีไซเคิลเป็นเหล็ก แม้จะใช้เวลาอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถหาบริษัทที่สนใจไอเดียนี้ได้
สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงปี 2021 เมื่อร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน โดยจับมือกับ บริษัท ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด บริษัทรีไซเคิลจากญี่ปุ่น และ UMC Metals บริษัทผู้ผลิตเหล็กในไทย ฮีดากา โยโก เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์มากกว่า 90 ปีในธุรกิจรีไซเคิลเหล็ก มีความเชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลเป็นอย่างมาก ส่วน UMC Metals มีเทคโนโลยีขั้นสูงในการรีไซเคิลอย่างการหลอมถ่านไฟฉาย ด้วยความร่วมมือของทั้งสองบริษัท ทำให้ในเดือนกันยายน ปี 2021 พานาโซนิคได้ยื่นขออนุญาตดำเนินการรีไซเคิลถ่านไฟฉายด้วยเตาหลอมไฟฟ้าไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรม (DIW) อย่างไรก็ตาม คุณทานิโมโตะเผยว่า “แม้ว่าจะยื่นเรื่องขออนุญาตไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับการอนุมัติก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในไทยไม่เคยมีโครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายมาก่อน ถึงขั้นที่ว่าพนักงานของเราต้องไปร่วมงานสัมมนาของกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องจำหน้าได้”
ความคืบหน้าในเชิงปฏิบัติกับซีพี ออลล์ดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งในเดือนมิถุนายน ปี 2022 ได้มีการตั้งกล่องรับทิ้งถ่านไฟฉายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นเป็นครั้งแรก และภายในเดือนมีนาคม ปี 2023 ได้ขยายจุดวางกล่องเป็น 31 สาขา พร้อมจัดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นโครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายก็ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาล
ต่อมา หลังจากที่ผู้บริหารของพานาโซนิค เอเนอร์จี สำนักงานใหญ่ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็ได้ให้ความร่วมมือในการเจรจาอย่างต่อเนื่อง จนบรรลุผลสำเร็จในที่สุด โดยในเดือนธันวาคม ปี 2023 บริษัทได้รับอนุญาตให้ดำเนินการรีไซเคิลถ่านไฟฉายด้วยเตาหลอมไฟฟ้า และในเดือนมีนาคมปีถัดมา ได้เริ่มรีไซเคิลถ่านไฟฉายเป็นครั้งแรกที่ UMC Metals รวมถึงจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยมีอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าร่วมด้วย ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ชั้นนำของไทย เกิดกระแสตอบรับอย่างกว้างขวาง
ในวันสิ่งแวดล้อมโลก เดือนมิถุนายน ปี 2024 กล่องรับทิ้งถ่านไฟฉายได้ถูกกระจายไปยังเซเว่น อีเลฟเว่น 1,000 สาขาครบตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม คุณทานิโมโตะกล่าวว่า “จำนวนเซเว่น อีเลฟเว่นมีกว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศ นับว่าหนทางยังอีกยาวไกล อีกทั้งในไทยมีถ่านไฟฉายถูกทิ้งประมาณ 300 ล้านก้อนต่อปี หรือประมาณ 4 ก้อนต่อคนต่อปีโดยเฉลี่ย การเก็บรวบรวมถ่านไฟฉายมารีไซเคิลให้หมดทุกก้อน จึงเป็นเป้าหมายที่ต้องใช้เวลากว่าจะไปถึง”
สำหรับแผนการในอนาคต คุณทานิโมโตะเผยถึงโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ซึ่งมีหลากหลายหน่วยงานเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการรีไซเคิลถ่านไฟฉาย นำโดยพานาโซนิค เอเนอร์จี, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (PMUC) ในเดือนกรกฎาคม ปี 2024 ได้เริ่มการประชุมหารือเพื่อวางโครงสร้างแผนงานรีไซเคิลถ่านไฟฉายทั่วประเทศไทย จากจุดเริ่มต้นที่เรียกได้ว่ามีแค่พานาโซนิค เอเนอร์จีเพียงลำพัง เวลาผ่านไปก็มีพันธมิตรเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำในโครงการถ่านไฟฉายตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในไทย สะท้อนให้เห็นผลลัพธ์ของความพยายามไม่เคยหยุดยั้ง
“เป้าหมายของเราคือ สร้างระบบแบบครบวงจร ตั้งแต่เก็บรวบรวม คัดแยก รีไซเคิล และสร้างการรับรู้ในสังคมไทย” คุณทานิโมโตะกล่าว “โครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา เป็นการรวมตัวของพันธมิตรที่มีความมุ่งมั่นทำสิ่งดี ๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมไทย เราหวังจะสร้างคุณค่าทางธุรกิจและพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อคนรุ่นหลังต่อไปในอนาคต”
THAIBIZ編集部
日タイ企業が「前例なし」に挑む! 新・サーキュラー エコノミー構想
協創・進出 ー 2025.01.10
2025年タイ経済の課題とチャンス 〜 注目の産業トレンドを読み解く
ビジネス・経済 ー 2025.01.10
現地化が成功した組織で一時は苦心 タイ人から学びながら見出す「駐在員の役割」
対談・インタビュー ー 2025.01.10
エヌビディアCEO訪タイで、タイ人が一喜一憂した理由
ビジネス・経済 ー 2025.01.10
老朽化対策の最前線 日本発の3次元データがタイ高速道路を革新
協創・進出 ー 2025.01.10
สัมภาษณ์พิเศษ CP All x Panasonic Energy: ก้าวใหม่ของความร่วมมือไทย – ญี่ปุ่น ร่วมสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน
協創・進出 ー 2025.01.10
SHARE