มุ่งสร้างการจ้างงานในท้องถิ่น และประโยชน์ให้แก่นานาประเทศ〜บทสัมภาษณ์คุณฟุคุดะ ยาซูชิ ประธานบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด〜

มุ่งสร้างการจ้างงานในท้องถิ่น และประโยชน์ให้แก่นานาประเทศ〜บทสัมภาษณ์คุณฟุคุดะ ยาซูชิ ประธานบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด〜

公開日 2022.05.16

เนื่องในโอกาสความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น-ASEAN จะก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 โครงการศูนย์วิจัยการลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย TJRI จึงจัดทำชุดบทสัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัทเทรดดิ้งชั้นนำของญี่ปุ่นในไทย โดยมุ่งเน้นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับประเทศไทย เพื่อสอบถามถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่นและไทย รวมถึงประชาคม ASEAN ในทิศทางการขยายตัวของธุรกิจใหม่ ๆ โดยในฉบับที่ 3 นี้เราได้รับเกียรติจากคุณฟุคุดะ ยาซูชิ ประธานบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด มาร่วมพูดคุยในบทสัมภาษณ์นี้

目次

Q. งานหลักของซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง

คุณฟุคุดะ: เราเป็นบริษัทเทรดดิ้ง ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกเป็นหลัก นอกจากนี้ก็มีการดำเนินธุรกิจในสายงานอื่น ๆ เช่น สร้างโครงการใหม่ ๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ หรือเริ่มธุรกิจใหม่ของเรา ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับยานยนต์, สารเคมี, โลหะ, สินค้าบริโภค, โครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น และเรายังพัฒนาธุรกิจไปในอีกหลายประเทศ โดยมีรากฐานอิงตามบริบทของประเทศนั้นๆ

มุ่งสร้างห่วงโซ่อุปทาน เพื่ออุตสาหกรรมการผลิตของ ASEAN

Q. ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงใดของไทยและประเทศสมาชิก ASEAN ที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทญี่ปุ่นมากที่สุด

คุณฟุคุดะ: มองย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 ที่ผมเข้ามาทำงานที่บริษัทซูมิโตโม เหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดคือ การที่บริษัทญี่ปุ่นมารวมตัวในประชาคม ASEAN โดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิต ได้เอาชนะความยากลำบากต่าง ๆ ทั้งวิกฤตทางเศรษฐกิจ การเงิน ปัญหาน้ำท่วมและอื่นๆ จนประสบความสำเร็จในวางรากฐานขนาดใหญ่ และสร้างห่วงโซ่อุปทานขึ้นมา

หลังจากพ.ศ. 2533 ซูมิโตโมได้ทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศอย่างจริงจัง มีแนวคิดหลักเพื่อที่จะให้บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาในนิคมอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น  และสร้างคุณประโยชน์ด้านต่าง ๆ ให้ผู้คนในแต่ละประเทศ

ในบรรดาธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในภูมิภาค ASEAN เราเริ่มในไทยช้ากว่าประเทศอื่นเล็กน้อย เราไม่ได้พัฒนาโครงการด้วยตนเอง แต่ร่วมมือกับอมตะ คอร์ปอเรชั่น นอกจากนี้ เรายังพัฒนานิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในเวียดนามชื่อว่า “นิคมอุตสาหกรรมทังลอง (Thang Long Industrial Park)” อีก 3 แห่ง และมีการเปิดนิคมฯที่อินโดนิเซีย, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, อินเดีย และบังกลาเทศเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

ผู้เล่นหลักด้านการส่งเสริมโลจิสติกส์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอเมริกา และ ASEAN

Q. ตอนคุณฟุคุดะไปประจำที่อเมริกาได้รับผิดชอบธุรกิจอะไร

คุณฟุคุดะ: ในพ.ศ.2533 ตอนที่ผมไปประจำที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และโรงงานผลิตรถยนต์ ส่งผลให้มีซัพพลายเยอร์จำนวนมากเกิดขึ้น หลังจากทำเกี่ยวกับการสนับสนุนโลจิสติกส์ที่ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่นในอเมริกาเป็นเวลาประมาณ 8 ปี ผมก็กลับไปประเทศญี่ปุ่น และเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ หลังจากนั้นก็ได้ไปอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนิเซียตั้งแต่พ.ศ. 2551 ถึงพ.ศ. 2555 รับผิดชอบการสนับสนุนงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ของบริษัทญี่ปุ่นเป็นหลัก ก่อนจะเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่น มารับหน้าที่ดูแลนิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศของซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น

Localizationนั้น สิ่งสำคัญคือคนไทยที่เข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น

Q. บริษัทซูมิโตโมทำการ Localization ในแต่ละประเทศอย่างไรบ้าง

คุณฟุคุดะ: Localization หรือการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เข้ากับบริบทสังคม เป็นหัวข้อที่ใหญ่ระดับโลก ไม่ได้จำกัดแค่ในไทย ซึ่งเราก็กำลังผลักดันอยู่ในหลายประเทศ ปัจจุบันฝ่ายบริหารหลัก (Corporate Department) ของซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด มีชาวญี่ปุ่นเพียงแค่ 2 คน คือรองประธานและพนักงานฝึกงาน ที่เหลือเป็นคนไทยทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในระดับผู้จัดการทั่วไป (GM) ของฝ่ายขาย ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนญี่ปุ่น เพราะลูกค้าที่เป็นบริษัทญี่ปุ่นมีอยู่มาก จึงจำเป็นต้องให้คนญี่ปุ่นทำหน้าที่นี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการสื่อสาร และทำให้การบริการเป็นไปตามมาตรฐานของเรา นี่เป็นจุดหนึ่งที่เรามองว่าเป็นอุปสรรคในการ Localization 

ผมเองก็อยากยกตำแหน่งของผมให้คนไทยดูแลเหมือนกัน แต่จะทำได้หรือไม่นั้นคงต้องดูต่อไปในอนาคต เพราะว่ายังมีปัญหาที่แก้ได้ยากคือ เรื่องการสื่อสารกับสำนักงานใหญ่ที่ญี่ปุ่น แม้ฝั่งพนักงานในไทยจะพยายามกันอย่างเต็มที่ แต่พอต้องสื่อสารกับสำนักงานใหญ่ก็ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นอยู่ดี และถึงจะฝึกพนักงานไทยขึ้นมาเป็นผู้บริหาร แต่อาจจะสื่อสารได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ผมมองว่าต้องส่งพนักงานไทยไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นเพิ่ม และสร้างระบบสนับสนุนจากทางสำนักงานใหญ่ที่ญี่ปุ่น เพื่อให้พนักงานไทยเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้น

บริษัทญี่ปุ่นในไทยหวั่นสูญเสียความได้เปรียบ

Q. บริษัทจะสามารถรักษาอัตลักษณ์ให้คงอยู่ ควบคู่ไปกับการ Localization ได้อย่างไร

คุณฟุคุดะ: พนักงานของเราจะต้องเข้าใจว่าบริษัท ซูมิโตโม คืออะไร ถึงแม้ว่าจะมีหัวหน้าจะเป็นคนไทยก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ประวัติของซูมิโตโมกรุ๊ปที่มียาวนานมากกว่า 400 ปี เรื่องนี้เรามองว่าสำคัญมาก เราจึงเริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่ช่วงฝึกงาน และหากในอนาคต พนักงานที่ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าจะต้องเข้าใจว่าบริษัทเรามีเป้าหมายอะไร ให้ความสำคัญกับเรื่องใด สมัยก่อน ตอนที่พนักงานคนไทยที่ตอนนี้เป็นระดับซีเนียร์ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น พอกลับมาก็เข้าใจความเป็นญี่ปุ่นและใช้ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่ว ผมคิดว่าคนเหล่านี้เหมาะสมที่จะเป็นคนที่ชี้นำบริษัทญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ความน่าสนใจของประเทศญี่ปุ่นลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้คนรุ่นใหม่หันไปศึกษาต่อที่ประเทศฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกามากกว่า หากเป็นเช่นนี้ญี่ปุ่นก็จะประสบปัญหา เพราะคนรุ่นใหม่ที่กลับจากยุโรปหรืออเมริกาก็จะรู้สึกว่าไม่ต้องทำงานในบริษัทญี่ปุ่นก็ได้ ทำให้บริษัทญี่ปุ่นในไทยแข่งขันกับบริษัทของฝั่งตะวันตกหรือของประเทศอื่นได้ยากขึ้น โดยเฉพาะการหาบุคลากร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบริษัทจีน เกาหลี และไต้หวันที่กำลังขยายตัวอยู่เช่นกัน ทำให้มีความกังวลว่าบริษัทญี่ปุ่นจะสูญเสียความได้เปรียบในประเทศไทยไป

โอกาสไทย-ญี่ปุ่นร่วมมือ รุกตลาดประเทศเพื่อนบ้าน

Q. ทิศทางในการพัฒนาธุรกิจร่วม (Co-Creation) กับประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะไปในแนวทางใด และบริษัทเทรดดิ้งจะมีบทบาทอย่างไรบ้าง

คุณฟุคุดะ: บริษัทไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตั้งแต่บริษัทขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ ไม่ใช่แค่ในประเทศตัวเอง แต่ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ซึ่งก็เคยมีบริษัทที่ใช้เครือข่ายทางธุรกิจของเราในการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากในตอนนั้นบริษัทไทยไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้มากนัก จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างเราและบริษัทไทย เรามองว่ายังมีแนวโน้มที่จะเกิดความร่วมมือเช่นนี้อีกได้ในอนาคต ซึ่งเราเองก็ต้องเตรียมพร้อมพัฒนาจุดแข็งของเราเพิ่ม ไม่ใช่แค่อาศัยเครือข่ายทางธุรกิจที่มีอยู่เพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้ เรายังมีความร่วมมือกับบริษัทจีนและประเทศอื่น ๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยบริษัทจีนกำลังรุกตลาดประเทศไทย ทั้งด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และด้านอื่น ๆ จึงอาจจะมีกรณีที่บริษัทจีนร่วมมือกับบริษัทญี่ปุ่นเพื่อยกระดับเทคโนโลยี หรือบริษัทจีนร่วมมือกันเองก็ตาม เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับบริษัทจากประเทศอื่น ๆ แล้วร่วมกันสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศไทย เราเลือกที่จะร่วมมือและเติบโตไปด้วยกัน แทนที่จะเว้นระยะห่างกับบริษัทต่างประเทศ

Q. ทิศทางของธุรกิจที่ซูมิโตโมอยากส่งเสริมในภูมิภาค ASEAN ต่อจากนี้จะเป็นไปอย่างไร

คุณฟุคุดะ: เราอยากขยายธุรกิจย่อย (Business Unit) ต่าง ๆ ของเรา ยกตัวอย่างเช่น การขยายไปสู่โมเดลเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว) ปัจจุบันกระแสการเคลื่อนไหวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ลำพังธุรกิจย่อยแค่บริษัทเดียวจึงไม่เพียงพอ

โครงการเพื่อการลดคาร์บอนส่วนหนึ่งของเราเริ่มดำเนินการแล้ว แต่ในตอนนี้ เราพยายามจะกระชับความร่วมมือแนวราบ (Horizontal Cooperation) ของเครือเราเองให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะบริษัทเทรดดิ้งมักจะแบ่งธุรกิจเป็นแนวตั้งและมีธุรกิจย่อยที่แตกต่างกัน ก็ทำให้ธุรกิจย่อยที่ดำเนินธุรกิจคนละด้านดูเหมือนเป็นคนละบริษัทกัน หากเราไม่กระชับความร่วมมือในแนวราบให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราจะไม่สามารถแสดงจุดเด่นของความเป็นบริษัทเทรดดิ้งได้

ปัจจุบัน เราทำธุรกิจด้านการลดคาร์บอนครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ทั้งยานยนต์, พลังงาน, เคมีภัณฑ์, การเกษตรอัจฉริยะ (Smart farming) และด้านอื่น ๆ  อีกทั้ง ธุรกิจเดิมของเราอย่างการค้าขาย, โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง และโครงการผลิตไฟฟ้าก็ยังเดินหน้าต่อไปเช่นกัน

ช่วยเหลือสังคม ไม่มุ่งเน้นกำไรระยะสั้น คือปรัชญาของเรา

Q.  มีแนวคิดหรือปรัชญาในการการดำเนินธุรกิจให้ยั่งยืนอย่างไรบ้าง

คุณฟุคุดะ: ซูมิโตโมกรุ๊ปมีประวัติยาวนานมากกว่า 400 ปี แต่บริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่นของเรานั้น เพิ่งมีอายุครบ 100 ปี ปรัญชาองค์กรที่ยึดถือมาตั้งแต่อดีตคือ “อย่ามุ่งเน้นกำไรที่ได้มาง่าย ๆ” กล่าวคือ อย่ายึดติดกับผลกำไรระยะสั้น ให้มองระยะยาวเป็นหลัก

รวมถึงการทำเพื่อสังคม เราอยากตอบแทนประเทศ ภาคอุตสาหกรรม และผู้คนในท้องถิ่นที่เราเข้าไปทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ให้ความสำคัญกับการเติบโตของบริษัทเราเองเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น สร้างงานในท้องถิ่น พัฒนาพื้นที่รอบ ๆ เขตอุตสาหกรรมให้เจริญยิ่งขึ้น และทำให้ผู้คนในพื้นที่โดยรอบได้รับประโยชน์และสิ่งดี ๆ ซึ่งนี่คือปรัชญาที่ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่นยึดถือและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เรามองว่าเราเป็นหนี้บุญคุณประเทศนั้น  ๆ  เราจึงยึดมั่นในการตอบแทนและคืนกำไรให้แก่ผู้คนในพื้นที่และประเทศเป็นสำคัญ

TJRI編集部

Recommend オススメ記事

Recent 新着記事

Ranking ランキング

TOP

SHARE